เราจะได้ยินกันบ่อยขึ้นว่าหุ่นยนต์ที่จะใช้ในชีวิตประจำวัน จะมีในเร็วๆ นี้ มันจะเป็นไปได้จริงหรือเปล่า เดี๋ยวผมจะลองพามาดูหุ่นยนต์ที่ผลิตขึ้นมาจริงแล้ว และเป็นหุ่นยนต์ที่โดดเด่นในปี 2024 เพื่อที่ให้ทุกคนเป็นข้อมูลว่าในปี 2025 เป็นต้นไปนี้กับคำที่พูดว่า หุ่นยนต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน จะเป็นไปได้หรือไม่

Source : https://x.com/DrJimFan/status/1873759183960485990/photo/1

ผมจะให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับหุ่นยนต์แต่ละตัวว่า ชื่อ รุ่น ปีที่พัฒนา และคุณสมบัติของหุ่นยนต์ เช่น ความสูง น้ำหนัก และความสามารถ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจหุ่นยนต์แต่ละตัวมากขึ้นดังนี้

1. Atlas (Boston Dynamics, สหรัฐอเมริกา)

 

     – เปิดตัว: ประมาณปี 2024

     – ความสูง/น้ำหนัก: 1.8 เมตร / 89 กก.

     – ความสามารถ:

          – เคลื่อนที่ในพื้นที่ไม่เรียบได้ดีเยี่ยม

          – กระโดดตีลังกาและเคลื่อนไหวคล้ายมนุษย์

          – ใช้สำหรับการวิจัย AI ในการทำภารกิจที่มีพลวัตสูง

     – จุดเด่น: เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของ “หุ่นยนต์อัจฉริยะสำหรับการเคลื่อนที่” แต่ยังไม่เหมาะสำหรับการใช้งานจริงในบ้านหรือสำนักงาน

 

          Atlas เน้นความคล่องตัวและความทนทาน ซึ่งเหมาะสำหรับงานกู้ภัยในอนาคตหรือการใช้งานในพื้นที่ที่มนุษย์เข้าถึงยาก

2. Digit (Agility Robotics, สหรัฐอเมริกา)

 

     – เปิดตัว: 2019

     – ความสูง/น้ำหนัก: 1.75 เมตร / 42 กก.

     – ความสามารถ:

          – ออกแบบให้ทำงานในคลังสินค้าและการขนส่ง

          – ใช้แขนเพื่อหยิบจับวัตถุ

          – เดินในพื้นที่ที่มีสิ่งกีดขวาง

 

จุดเด่น: เรียบง่ายและเหมาะสำหรับงานโลจิสติกส์

 

ด้วยการออกแบบที่เน้นการใช้งานในอุตสาหกรรม คาดว่า Digit จะมีบทบาทสำคัญในอนาคตของโลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ซ

3. Phoenix (Sanctuary AI, แคนาดา)

     – เปิดตัว: 2024

     – ความสูง/น้ำหนัก: ประมาณ 1.7 เมตร / 70 กก.

     – ความสามารถ:

          – มี AI ที่สามารถเรียนรู้และปรับตัวต่อสถานการณ์

          – เหมาะสำหรับการช่วยงานในบ้านและสำนักงาน

     – จุดเด่น: ออกแบบมาให้ทำงานหลากหลาย

หากพัฒนา AI ให้ใช้งานได้สมบูรณ์ Phoenix มีศักยภาพที่จะกลายเป็นหุ่นยนต์สำหรับผู้บริโภคทั่วไป

4. Figure-O2 (Figure, สหรัฐอเมริกา)

     – เปิดตัว: 2024

     – ความสามารถ:

          – รองรับการทำงานที่ต้องการความยืดหยุ่น

          – ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต

     – จุดเด่น: มุ่งเน้นการใช้งานที่คล้ายแรงงานคน

 

Figure-O2 กำลังมุ่งเป้าไปยังการแทนที่แรงงานในสายการผลิตที่ซับซ้อน

5. Optimus G2 (Tesla, สหรัฐอเมริกา)

     – เปิดตัว: 2023

     – ความสูง/น้ำหนัก: 1.73 เมตร / 56 กก.

     – ความสามารถ:

          – ออกแบบให้ช่วยในโรงงานและบ้านเรือน

          – ใช้พลังงานแบตเตอรี่

     – จุดเด่น: มีความสามารถในการผลิตจำนวนมาก เน้นต้นทุนต่ำ

Elon Musk ตั้งเป้าให้ Optimus กลายเป็น “หุ่นยนต์สำหรับทุกคน” ด้วยราคาที่เข้าถึงได้

6. Apollo (Apptronik, สหรัฐอเมริกา)

 

     – เปิดตัว: 2023

     – ความสามารถ:

          – ทำงานร่วมกับมนุษย์ในอุตสาหกรรม

          – เน้นความปลอดภัยและความง่ายในการควบคุม

     – จุดเด่น: การออกแบบให้ทำงานคู่กับมนุษย์

 

Apollo เหมาะสำหรับงานที่ต้องการการประสานงานระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ เช่นในโรงงาน

7. Unitree G1 (Unitree Robotics, จีน)

 

     – เปิดตัว: 2024

     – ความสามารถ:

          – ใช้งานในบ้านและพื้นที่เชิงพาณิชย์

          – มีความสามารถด้านการเคลื่อนไหวขั้นสูง

     – จุดเด่น: ราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

 

Unitree กำลังบุกเบิกตลาดหุ่นยนต์ราคาประหยัดในเชิงพาณิชย์

8. GR-1 (Fourier Intelligence, จีน)

 

     – เปิดตัว: 2024

     – ความสามารถ:

          – ใช้ในด้านการแพทย์และการดูแลผู้สูงอายุ

     – จุดเด่น: รองรับการดูแลผู้ป่วย

 

GR-1 มีบทบาทสำคัญในตลาดสุขภาพที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น

ณ. วันที่เขียนนี้มี GR-2 มาแล้วด้วย พัฒนาเร็วมากๆ

9. Menteebot (Menteebot Robotics, อิสราเอล)

 

     – เปิดตัว: 2024

     – ความสามารถ:

          – ออกแบบมาเพื่อการศึกษา

          – ใช้ในการฝึกอบรมและการเรียนรู้ AI

 

เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานศึกษาและองค์กรที่ต้องการเรียนรู้ด้าน AI

10. CyberOne (Xiaomi, จีน)

 

     – เปิดตัว: 2022

     – จุดเด่น: เป็นการทดลองของ Xiaomi เพื่อสร้างฮิวแมนนอยด์ที่ราคาถูก

 

CyberOne เป็นตัวอย่างของการรวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่บริษัทเทคโนโลยีกำลังทดลอง

11. 4NE-1 (Neura Robotics, เยอรมนี)

 

     – เปิดตัว: 2024

     – ความสามารถ:

          – การช่วยงานในบ้านและอุตสาหกรรม

          – การใช้ AI เชิงลึกเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์

 

เป็นตัวแทนของยุโรปในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

12. NEO – 1X (Halodi Robotics, นอร์เวย์)

     – เปิดตัว: 2024

     – ความสามารถ:

          – มีการออกแบบที่คล้ายมนุษย์มากที่สุด

NEO เป็นหุ่นยนต์ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความสมจริงและการเชื่อมโยงทางอารมณ์กับมนุษย์

เดี๋ยวผมจะเปรียบเทียบความสูงและน้ำหนักของหุ่นยนต์แต่ละตัวให้ดูกันครับ

จากกราฟด้านบนจะเห็นว่า Atlas มีน้ำหนักที่มากที่สุดถึง 89 กก. แต่ก็มีความแข็งแกร่งและคล่องตัว ในขณะที่ Unitree G1 เบาที่สุด 50 กก. เหมาะกับงานโลจิสติกส์

อีกมุมนึงที่น่าสนใจก็คือจำนวนหุ่นยนต์ที่เปิดตัวในแต่ละปีมีดังนี้

ตั้งแต่ปี 2019 มีการเปิดตัวหุ่นยนต์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยปี 2023 และ 2024 มีจำนวนมากที่สุด สะท้อนถึงการเติบโตของเทคโนโลยีในช่วงปีหลัง ๆ และในปี 2025 อาจจะได้เห็นจริงๆ ว่าในชีวิตประจำวันในบ้านของคนทั่วไปอาจจะมีหุ่นยนต์ได้ใช้จริงๆ ก็ได้

Scroll to Top