อาจารย์ Andrew Ng ได้สรุปเกี่ยวกับเรื่อง AI ในปี 2024 ได้น่าสนใจมาก ๆ เรารู้อดีต จะได้เข้าใจอนาคตในปี 2025 ได้ดีขึ้น ผมสรุปมาให้ 6 ข้อที่อาจารย์ได้สรุปไว้

1. A Blizzard of Progress (ความก้าวหน้าที่มหาศาล)
ปี 2024 เป็นปีแห่งความก้าวหน้าของ AI ระบบที่มีความสามารถเชิงเหตุผล (Agentic Systems) ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว สามารถใช้เครื่องมือและควบคุมแอปพลิเคชันบนเดสก์ท็อปได้ดีขึ้น โมเดลขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำกว่าได้รับการพัฒนาในวงกว้าง
.
จริงๆ เห็นด้วยกับหัวข้อนี้มากๆ เทคโนโลยี AI ที่ปรับเปลี่ยนเร็วมาก ถ้าในเนื้องานใครไม่ได้เกี่ยวข้องกับ AI ผมว่าอาจจะตามไม่ทันจริงๆ โชคดีที่ทำงาน ตื่นตัวการนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ ก็เลยได้มีโอกาสคลุกคลี แต่สุดท้ายแล้ว การให้ทุกคนได้ลองใช้ หรือให้มีความเข้าใจมากขึ้น ยังคงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การใช้ AI เกิดประโยชน์สูงสุด

2. Agents Ascendant (ยุคของระบบ AI Agentic)
ระบบ AI แบบ Agentic หรือระบบที่สามารถดำเนินการตามเป้าหมายได้ด้วยตัวเองมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในปีนี้ เครื่องมือใหม่ๆ เช่น LangChain, Meta’s Llama Stack, และ Autogen ช่วยให้พัฒนาเวิร์กโฟลว์ที่ซับซ้อนและสามารถประมวลผลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
.
ผมได้มีโอกาสได้เล่นพวก LangChain , Autogen (Multi Agent) แล้วได้ไอเดียว่ามันทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิดจริงๆ ผมได้รับโจทย์นึงมาว่า ให้ทดลองเอาข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบ Database ซึ่งมีหลาย Table มาทำเป็นคลังความรู้ และสร้างหน้า Chatbot และหลังจากที่เราสอบถามในหน้า Chatbot ให้ตอบคำถามที่ต้องการได้ และที่สำคัญ ให้สร้างกราฟเพื่อเปลี่ยนแกน x, y ด้วยนะ
.
ตอนแรกได้รับโจทย์มาก็มีสตั้นไป 10 วิ มันจะได้มั้ยนะ แต่พอได้ลองรู้จัก LangChain, Autogen มันสามารถเป็นไปได้ ผมให้มี Agent 5 ตัว,
1.Agent ตัวที่หนึ่งให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการ connect data จาก Database
2.Agent ตัวที่สองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการ query ข้อมูล
3.Agent ตัวที่สาม เป็น Agent ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้าง Visualization
4.Agent ตัวที่สี่เป็น Agent ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Analytic
5. Agent ตัวที่ห้าให้เป็น Agent ตัวควบคุมหรือที่เรียกว่า Orchestrator Agent
.
ซึ่งที่ผมทำนี่ถือว่าเป็นต้นๆของยุค Agentic AI แต่ถ้าเมื่อไหร่การเข้าสู่ยุคของ AI Agentic จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเพราะทำให้ AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การตอบคำถามหรือให้คำแนะนำ แต่สามารถทำงานเชิงรุก เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลและดำเนินการแก้ปัญหาได้เอง การพัฒนาในด้านนี้จะเปิดโอกาสให้ AI ช่วยในภาคอุตสาหกรรมและการจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. Prices Tumble (ราคาลดลง)
การแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างผู้พัฒนาโมเดล AI ทำให้ต้นทุนการเข้าถึงโมเดลลดลงมาก เช่น OpenAI ลดราคาการใช้ GPT-4 Turbo ลงเกือบ 90% และผู้ให้บริการในจีนก็เสนอบริการในราคาที่ต่ำมาก
.
อันนี้ผมว่าดี การแข่งขันของคนที่พัฒนาโมเดล AI แข่งขันกันทำให้ราคาถูกลง ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและสตาร์ทอัพสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ได้ง่ายขึ้น
4. Generative Video Takes Off (การสร้างวิดีโอโดย AI พุ่งทะยาน)
AI สร้างวิดีโอได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด บริษัทใหญ่ๆ เช่น OpenAI, Adobe, และ Meta ได้เปิดตัวเครื่องมือสร้างวิดีโอที่สามารถสร้างคลิปคุณภาพสูงพร้อมรายละเอียดที่สมจริง รองรับการใช้งานตั้งแต่วิดีโอภาพยนตร์ไปจนถึงคอนเทนต์สำหรับโซเชียลมีเดีย
.
หลายค่ายเลยที่ทำ AI Video มาได้ดีมากๆ AI สร้างวิดีโอจะเปลี่ยนวิธีการผลิตสื่ออย่างสิ้นเชิง คนที่ผลิตคอนเทนต์รายย่อยสามารถสร้างวิดีโอคุณภาพสูงได้โดยไม่ต้องพึ่งพาทีมงานใหญ่ แต่ยังมีความท้าทายในเรื่องความสมจริงของเฟรมและการควบคุมเนื้อหา
5. Smaller Is Beautiful (โมเดลขนาดเล็กที่ทรงพลัง)
ในปีนี้ โมเดล AI ขนาดเล็กที่สามารถทำงานได้บนฮาร์ดแวร์พลังงานต่ำ เช่น สมาร์ทโฟน ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เทคนิคอย่างการ Distillation และ Quantization ช่วยลดขนาดโมเดลโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพ
6. Alternatives to Acquisitions (ทางเลือกใหม่แทนการเข้าซื้อกิจการ)
บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เปลี่ยนกลยุทธ์โดยการทำข้อตกลงกับสตาร์ทอัพ AI แทนการเข้าซื้อกิจการ เช่น Microsoft, Amazon, และ Google ลงทุนและดึงทีมงานจากสตาร์ทอัพมาเข้าร่วมทีม โดยไม่ต้องรับความเสี่ยงจากการถูกตรวจสอบการผูกขาด

หลังจากที่เราเห็นแล้วว่าปี 2024 ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ในปี 2025 จะก้าวกระโดดไปกว่านั้นอย่างรวดเร็ว อยากสนับสนุนให้เพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้ทดลองใช้งานในเชิงพัฒนา ได้ลองมาเล่น ได้ลองมาทดสอบกันมากขึ้นครับ สวัสดีปีใหม่ทุกคนครับ

Scroll to Top